คราฟ้าจรัสแสง

คราฟ้าจรัสแสง


ในใจและความรู้สึกของชาวบ้านใกล้ไกลยังมองขุนเขาเหล่านี้ลึกลับ มีสิ่งประหลาดมหัศจรรย์อยู่ในนั้น ส่วนหนึ่งมาจากมิจฉาชีพ พวกหัวโจรหัวขโมยก็ได้อาศัยเป็นแหล่งหลบซ่อน เขาอาจหวาดกลัว แต่มุมมืดของอาชีพเขาต้องจำยอม เพราะคนธรรมดาจ้างก็ยังไม่อยากย่างกรายเข้าใกล้ วัวควายใครหายในตำบล-อำเภอ-จังหวัดใกล้เคียง ต้องมาต่อรองไถ่คืนที่นี่จึงจะสมหวัง ที่ตรงนี้เลยมีสิ่งให้ครั่นคร้าม ๒ สถาน คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และโจรขโมย

ล่วงมา พุทธศักราช ๒๕๑๐ หลังจากหมดฝนแล้ว หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ได้ออกธุดงค์อีกครั้ง ท่านมีเป้าหมายทางภาคเหนือ แถวเชียงใหม่ เชียงราย ท่านเดินธุดงค์มาทาง ดอนไร่-วัดไทร-น้ำพุ และเข้ามาถึงเขาสารพัดดี ท่านขึ้นไปสำรวจยอดเขาเห็นเจดีย์ผุพังและรอยพระพุทธบาท ๔ รอย ท่านพิจารณาว่าตรงนี้ต้องเป็นที่ปฏิบัติธรรมที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง

ท่านเล่าว่าเมื่ออยู่ป่าช้าวัดบ้านทึง ได้นิมิตเห็นหอสวดมนต์สวยทรงกลมสูงตระหง่าน อยู่บนชะง่อนเขาลูกหนึ่ง หลังคาทรงไทย ๔ มุข ท่านจำได้ว่ามันอยู่ตรงภู ด้านทิศเหนือของเขาลูกนี้นี่เอง ท่านจึงแน่ใจในสิ่งที่ท่านเห็นจากนิมิตเมื่อ ๑๐ กว่าปีที่แล้ว ท่านว่ามีคนเข้าวัดมากมาย มีพระเหลืองไปหมด ท่านเสริมว่าหมู่บ้านย่านนี้ต่อไป มันจะปลูกกันสวยๆ (ตอนนั้นเป็นกระต๊อบ หลังคาหญ้าคา ข้างฝาเป็นไม้รวก ไม้ไผ่ หลังคาเล็กๆ)

ญาติโยมบ้านไร่สวนลาว ดีใจเห็นพระมาปักกลด ได้มาทำบุญใส่บาตร เริ่มสร้างกุฏิและศาลาเล็กๆ ชั่วคราวพอใช้ทำบุญกัน ในขณะนั้นทางเข้าวัดยังไม่สะดวก ทางตะวันออกมีทางเกวียนตรงขึ้นมา พอเข้าเขตตีนเขาก็เป็นสามแยก ทางหนึ่งอ้อมไปหลังเขาด้านทิศใต้ ทางหนึ่งมาทางบ้านไร่สวนลาว ฉะนั้นจะมาวัดต้องเดินลัดเลาะตามเนิน ทำให้มีโอกาสได้ออกกำลัง

หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ยึดปฏิบัติในธุดงควัตร เช่น ฉันมื้อเดียว ใช้ผ้า ๓ ผืน เป็นต้น และไม่รับเงินทองเป็นของตน ส่วนในเรื่องทางใจ ท่านสอนสมาธิตลอดเวลา ชื่อเสียงขยายไปไกลมากขึ้น สาธุชนต่างมาบำเพ็ญกุศลกันมากมายเช่นกัน จึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า “เขาสารพัดดีศรีเจริญธรรม”

คำว่า “สารพัดดีศรีเจริญธรรม” มีความหมายแฝงอยู่ในตัวเองว่า มีธรรมะและของดีสารพัดทั้งสรรพสิ่งที่บุคคลปรารถนาและประสงค์จะได้นานัปการ และสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นสมบัติที่ผู้สร้างแต่คุณงามความดี จึงจะเห็นและสัมผัสได้ สรรพสิ่งดีๆ เช่นว่านี้มีอยู่ครบครันบนขุนเขาแห่งนี้