หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก

*          บรมครู             ผู้ก่อตั้ง              สานุศิษย์
หลวงปู่ คิด                  ข้อธรรม              จำมากโข
สังวาลย์ เด่น               เห็นประจักษ์        หลักพุทโธ
เขมโก                         นามก้องไกล       ในโลกา

*          แห่งวัดทุ่ง        รุ่งเรือง                เลื่องลือล้ำ
สามัคคีธรรม                 นำจิต                 คิดใฝ่หา
สุพรรณบุรี                    ที่ตั้ง                   ครั้งก่อนมา
แหล่งศรัทธา                สาธุชน               สนใจธรรม


                           ประพันธ์โดย พระบำรุง  อุปฏฺฐาโก

ข้อคิดเตือนใจ จาก หลวงพ่อสำรวม สิริภทฺโท

" ลองถามตัวเองว่า  เราเกิดมาทำไม ?

ตายแล้วเราจะเอาอะไรไปได้บ้าง ?

เราตายแล้ว  เราจะไปอยู่ที่ไหน ?

เมื่อเราเจ็บป่วย  มีใครบ้าง  ที่จะมาช่วยเราเจ็บ ?

เมื่อเราตาย  มีใครบ้าง  ที่จะมาตายแทนเรา ?

เราจะไปห่วงเขาทำไมล่ะ ?

สมบัติมากมาย  เราห่วงเขาข้างเดียว

ให้สมบัติมากมาย  ห่วงเราบ้าง  ไม่ดีกว่าหรือ "


คำประพันธ์ พระอาจารย์บำรุง อุปฏฺฐาโก

*          พระอาจารย์          หมั่นสอนธรรม          ย้ำเตือนศิษย์
หลวงพ่อ...คิด                  การุณย์                    คุณมากโข
สำรวม...   จิต                   สนิทกาย                 หมายธมฺโม
สิริภทฺโท                          โชว์ธรรมงาม           นามเกรียงไกร

*          แห่งวัด...เขา        สารพัดดี                  ที่ฝึกฝน
ไกลกังวล                        ค้นหลักธรรม            งามไสว
ชัยนาท...แหล่ง                พำนัก                      พักพิงใจ
ประกาศไว้                       ให้รู้จัก                     หลักแหล่งธรรม.


                   บำรุง … รักเร่งสร้าง ความดี ไว้นา

                   ปาน ... ดังเกลือคงมี รสแท้

                   สุ ... จริตเป็นศรี ศักดิ์ยิ่ง

                   วรรณ ... ณะสะอาดแผ้ว แน่แล้วคนดี


พิพิธภัณฑ์เขมโก (หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก)

              ปีพุทธศักราช ๒๕๓๔ - ๒๕๓๕ ท่านได้ออกแบบก่อสร้างพิพิธภัณฑ์เขมโก เป็นอาคารชั้นเดียว ลักษณะทรงกลม มีพื้นที่รอบนอก (ระเบียง) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๗.๕ เมตร และพื้นที่ภายในพิพิธภัณฑ์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๓.๕ เมตร สูง ๕.๕ เมตร มีทางเดินวนได้โดยรอบ ก่อสร้างอยู่กลางสระน้ำ บริเวณหน้าวัด มีสะพานเชื่อมต่อกับขอบสระ ด้านบนเป็นฐานประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลา ความสูง ๘๔ เซนติเมตร องค์พระพุทธรูปมีความสูงจากฐานล่าง ถึงพระเกศ ๕.๕ เมตร ผนังด้านนอก ประกอบขึ้นจากกระเบื้องดินเผา แสดงสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่ง (ประสูติที่ลุมพินีวัน, ตรัสรู้ที่พุทธคยา, แสดงปฐมเทศนาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน, ปรินิพพานที่กุสินารา) ภายใต้ฐานพระนี้เป็นพิพิธภัณฑ์เขมโก และเป็นที่เก็บรักษาหุ่นขี้ผึ้งและบริขารของหลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ผู้เป็นครูบาอาจารย์ของท่าน

ภายในพิพิธภัณฑ์เขมโก ประกอบด้วย

· ตู้ใส่เครื่องบริขาร ความกว้าง ๓๒ นิ้ว สูง ๗๑ นิ้ว จำนวน ๒ หลัง
· แจกันหินอ่อน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๙ นิ้ว สูง ๒๖ นิ้ว จำนวน ๒ ใบ
· แท่นหินอ่อนวางกระถางธูป ขนาเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๐ นิ้ว สูง ๓๔.๕ นิ้ว จำนวน ๑ แท่น







เทศกาล เขาสารพัดดี

เทศกาล

เขาสารพัดดีนั้นมีชื่อเสียงมายาวนาน อย่างน้อยหน่อไม้ก็อร่อย รสหอมหวานไม่มีรสขม ไม้ตะพดซึ่งได้จากไม้รวกตันที่เขาสารพัดดี ใครที่อยู่ยงคงกระพันยิงไม่ออกฟันไม่เข้า ถ้าโดนเข้าไปแล้วเป็นอันเลือดสาดทุกราย และยังป้องกันภูตผีปีศาจคุณไสยได้อีกด้วย พระชนก ปุญฺญวฑฺฒโน ดำริให้มีงานตักบาตรเทโวโรหณะ (วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก) ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันในต่างอำเภอและต่างจังหวัด ภาพความงามของพระสงฆ์จำนวนหลายสิบรูป เดินลงจากเขา แลดูคล้ายดังพระภิกษุเดินตามพระพุทธองค์ลงมาจากดาวดึงส์สู่เมืองสังกัสสะนคร ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑

สำหรับงานตักบาตรเทโวโรหณะนี้ ได้มีผู้ผูกเป็นเพลงร้องฟังไพเราะเพราะพริ้งจนมีคนจำกันติดปากว่า.........
“ถึงเดือนสิบเอ็ดแรมสามค่ำเขาก็ทำกันโก้ มีตักบาตรเทโวกันออกวุ่นวาย ไปนิมนต์พระสงฆ์ออกมายืนเป็นเส้าล้วนพระลาวพระไทย ต่างอุ้มบาตรยืนเบิ่ง คนก็คอยตักบาตรมีพระหลายวัดรวมกันเข้าไว้เดือนสิบเอ็ดเสร็จจากแรมสามค่ำ ตักบาตรกรวดน้ำไปถึงพิสังคนตาย ... ฯลฯ” ตามเนื้อเพลงนี้บ่งไว้ชัดเจนว่า กำหนดเทศกาลเทโวฯ ประจำปีของวัดไกลกังวลมีขึ้นในวันแรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ซึ่งไม่ตรงกับวัดอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง และได้กระทำสืบเนื่องมาเป็นประเพณีจนถึงบัดนี้ ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงกำหนดการเป็นวันแรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ แทน

คราฟ้าจรัสแสง

คราฟ้าจรัสแสง


ในใจและความรู้สึกของชาวบ้านใกล้ไกลยังมองขุนเขาเหล่านี้ลึกลับ มีสิ่งประหลาดมหัศจรรย์อยู่ในนั้น ส่วนหนึ่งมาจากมิจฉาชีพ พวกหัวโจรหัวขโมยก็ได้อาศัยเป็นแหล่งหลบซ่อน เขาอาจหวาดกลัว แต่มุมมืดของอาชีพเขาต้องจำยอม เพราะคนธรรมดาจ้างก็ยังไม่อยากย่างกรายเข้าใกล้ วัวควายใครหายในตำบล-อำเภอ-จังหวัดใกล้เคียง ต้องมาต่อรองไถ่คืนที่นี่จึงจะสมหวัง ที่ตรงนี้เลยมีสิ่งให้ครั่นคร้าม ๒ สถาน คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และโจรขโมย

ล่วงมา พุทธศักราช ๒๕๑๐ หลังจากหมดฝนแล้ว หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ได้ออกธุดงค์อีกครั้ง ท่านมีเป้าหมายทางภาคเหนือ แถวเชียงใหม่ เชียงราย ท่านเดินธุดงค์มาทาง ดอนไร่-วัดไทร-น้ำพุ และเข้ามาถึงเขาสารพัดดี ท่านขึ้นไปสำรวจยอดเขาเห็นเจดีย์ผุพังและรอยพระพุทธบาท ๔ รอย ท่านพิจารณาว่าตรงนี้ต้องเป็นที่ปฏิบัติธรรมที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง

ท่านเล่าว่าเมื่ออยู่ป่าช้าวัดบ้านทึง ได้นิมิตเห็นหอสวดมนต์สวยทรงกลมสูงตระหง่าน อยู่บนชะง่อนเขาลูกหนึ่ง หลังคาทรงไทย ๔ มุข ท่านจำได้ว่ามันอยู่ตรงภู ด้านทิศเหนือของเขาลูกนี้นี่เอง ท่านจึงแน่ใจในสิ่งที่ท่านเห็นจากนิมิตเมื่อ ๑๐ กว่าปีที่แล้ว ท่านว่ามีคนเข้าวัดมากมาย มีพระเหลืองไปหมด ท่านเสริมว่าหมู่บ้านย่านนี้ต่อไป มันจะปลูกกันสวยๆ (ตอนนั้นเป็นกระต๊อบ หลังคาหญ้าคา ข้างฝาเป็นไม้รวก ไม้ไผ่ หลังคาเล็กๆ)

ญาติโยมบ้านไร่สวนลาว ดีใจเห็นพระมาปักกลด ได้มาทำบุญใส่บาตร เริ่มสร้างกุฏิและศาลาเล็กๆ ชั่วคราวพอใช้ทำบุญกัน ในขณะนั้นทางเข้าวัดยังไม่สะดวก ทางตะวันออกมีทางเกวียนตรงขึ้นมา พอเข้าเขตตีนเขาก็เป็นสามแยก ทางหนึ่งอ้อมไปหลังเขาด้านทิศใต้ ทางหนึ่งมาทางบ้านไร่สวนลาว ฉะนั้นจะมาวัดต้องเดินลัดเลาะตามเนิน ทำให้มีโอกาสได้ออกกำลัง

หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ยึดปฏิบัติในธุดงควัตร เช่น ฉันมื้อเดียว ใช้ผ้า ๓ ผืน เป็นต้น และไม่รับเงินทองเป็นของตน ส่วนในเรื่องทางใจ ท่านสอนสมาธิตลอดเวลา ชื่อเสียงขยายไปไกลมากขึ้น สาธุชนต่างมาบำเพ็ญกุศลกันมากมายเช่นกัน จึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า “เขาสารพัดดีศรีเจริญธรรม”

คำว่า “สารพัดดีศรีเจริญธรรม” มีความหมายแฝงอยู่ในตัวเองว่า มีธรรมะและของดีสารพัดทั้งสรรพสิ่งที่บุคคลปรารถนาและประสงค์จะได้นานัปการ และสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นสมบัติที่ผู้สร้างแต่คุณงามความดี จึงจะเห็นและสัมผัสได้ สรรพสิ่งดีๆ เช่นว่านี้มีอยู่ครบครันบนขุนเขาแห่งนี้



หมอพันตกใจ

หมอพันตกใจ !


อาจารย์นก นาคสังข์ (อดีตพระใบฎีกาชนก) กับหมอพัน ได้มาพักบนเขาสารพัดดี และคุยกันถึงเรื่องเสือบนเขาสารพัดดี ว่าไม่น่าจะมีอยู่แล้ว อยู่ๆ ทั้งคู่ก็เหลือบเห็นเสือตัวใหญ่มหึมา ปรากฏอยู่ตรงหน้า ด้วยความตกใจ หมอพันจึงรีบโบกมือโบกไม้ เพื่อไล่ให้เสือหนีไป ทันใดนั้น เสือที่ปรากฏเฉพาะหน้าก็อันตรธานหายไป (ที่จริง เขาสารพัดดี ไม่มีเสือ แต่เสือที่เห็นมาจากไหน?)

ชาวลับแล โดยอนุมานน่าจะเป็นเทวดาจำพวกหนึ่งซึ่งเป็นภุมเทวดา ใช้ภูเขาเป็นวิมาน ซึ่งมีความสามารถพิเศษตรงที่ปรากฏกายอันเป็นทิพย์ให้ตาหยาบๆ มองเห็นได้ อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับมนุษย์โลกได้ นับว่าเป็นความพิเศษของภูมิทิพย์ชาวลับแล เรื่องทำนองนี้ไม่ใช่จะมีแต่ที่เขาสารพัดดีเท่านั้น ที่อื่นๆ ก็มากมี

ดอกบุนนาคบนสวรรค์

ดอกบุนนาคบนสวรรค์



พี่สาวของผู้ใหญ่เฟือง เปี่ยมสิน (ผู้ใหญ่บ้านดอนโก ตำบลบ้านเชี่ยน อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท) ขึ้นไปบนยอดเขาสารพัดดีกับคุณพ่อ แล้วเก็บดอกบุนนาคจากยอดเขาลงมาด้วย คุณพ่อเห็นดอกบุนนาค จึงถามว่า “เก็บมาจากที่ไหน” ลูกสาวบอกว่า “เก็บมาจากต้นที่หน้าโบสถ์” คุณพ่อจึงให้พากลับไปดูอีกครั้งด้วยความสงสัย มีแต่ต้นไม้อย่างอื่น ไม่พบต้นบุนนาคสักต้นเดียว ทั้งที่ดอกบุนนาคก็ยังอยู่ในมือลูกสาวแท้ๆ (น่าฉงน)

สงสัยการหายจาก

สงสัยการหายจาก


คุณมนันท์ได้เดินหลงทางเข้าไปในเขาสารพัดดี พบต้นส้มโอ ซึ่งมีผลดกมาก จึงเก็บส้มโอนำกลับมาบ้าน คิดว่ารุ่งเช้าจะกลับมาเอาอีก จึงเอาเถาวัลย์ผูกต้นส้มโอ แล้วผูกต่อๆ กันมาจนถึงตีนเขา วันต่อมา เดินตามเถาวัลย์ไปจนถึงต้นส้มโอที่ผูกไว้ แต่ปรากฏว่า เป็นต้นไม้อื่น ไม่ใช่ต้นส้มโอ ทำให้รู้สึกประหลาดใจมาก (แล้วต้นส้มโอ มันหายไปไหน?)

กระชายไร้ดง

กระชายไร้ดง



แม่ชีทองดำซึ่งบวชอยู่ที่วัดไกลกังวล ขณะเป็นฆราวาสได้ไปเลี้ยงควายเลี้ยงวัวในบริเวณเชิงเขาสารพัดดี ได้ไปพบดงกระชายขึ้นเป็นจำนวนมาก เลยขุดกระชายนำกลับมาเตรียมอาหาร แน่นอนย่อมเป็นที่ถูกใจแม่ครัวที่บ้านเป็นอย่างยิ่งและแม่ครัวยังต้องการเพิ่ม หวังว่าวันรุ่งขึ้นจะไปขุดอีก พอไปถึงที่ พบแต่ที่ว่างเปล่า และเสียมที่ลืมปักทิ้งไว้ ไม่ปรากฏว่ามีดงกระชายอยู่เลย เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก (แล้วดงกระชายที่ขุดเมื่อวาน มันหายไปไหนหมด?)



เจ้าของเขาหวง

เจ้าของเขาหวง



เรื่องปาฏิหาริย์ อ่านไปคลายง่วงได้ นายสุธรรม วันทนา อดีตครูใหญ่ โรงเรียนวัดเนินขาม กิ่งอำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท ตอนนั้นสอนอยู่โรงเรียนบ้านหัวตอ (อยู่ใกล้กับโรงเรียนวัดเนินขาม) พานักเรียนราว ๕๐ คน มาขนอิฐหักอิฐเก่าๆ ที่เชิงเขาหนองสอด จะเอาไปถมทางเข้าโรงเรียน เพราะเมื่อฝนตกเข้าออกลำบากมาก ก่อนขนก็จุดธูปขอเจ้าที่เจ้าทางแล้ว เมื่อขนอิฐลงมาใส่เกวียนวัว ใกล้จะพอ เมฆฝนครึ้มมารอบด้าน ฟ้าร้อง ลมกรรโชกอื้ออึ้ง ยังไม่ทันคิดว่าอะไรหรือจะทำอะไร ฝนก็ตกเป็นฟ้ารั่ว เด็กก็วิ่งหาที่กำบังกันวุ่นวาย นายสุธรรมเห็นท่าไม่ได้เรื่องจึงระดมให้เด็กเอาอิฐลงจากเกวียน พอขนลงหมด ฝนก็หยุดตกฟ้าก็ใส เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้านายสุธรรมอยู่ก็คงมีอายุสัก ๙๐ ปี เขาเชื่อว่าเป็นความอาถรรพ์ของขุนเขานี้

ถ้ำวัวทอง

ถ้ำวัวทอง

ด้านตะวันตกของเขาสารพัดดี
ซึ่งเป็นเขาดินสอและเขาหนองสอด
ชาวบ้านเล่าสืบกันมาว่า  มีถ้ำเก่าแก่เป็นที่อาศัยของวัวทอง อันเป็นวัวศักดิ์สิทธิ์ (ล่องหนหายตัวได้) ประวัติเล่ากันเป็นตุเป็นตะว่า มีผู้เห็นวัวสีทองนี้วิ่งผ่านทุ่งสนามแจง-บ้านแสวงหา-บ้านพรวน (เขตจังหวัดอ่างทอง) มาจนถึงเขาใหญ่-เขานมนาง-เขาน้ำพุ (เขตเดิมบางนางบวช) และมาสุดทางที่เขาสารพัดดีแห่งนี้ ฤกษ์งามยามดีวัวทองก็จะออกมาเดินร่วมกับฝูงวัวบ้าน มีคนเห็นกันเสมอๆ

วันหนึ่งพรานล่าสัตว์ได้พบเข้า ก็คิดว่าจะจับวัวตัวนี้ให้ได้คงขายได้ราคางาม จึงติดตามวัวทองไปจนถึงปากถ้ำ คอยเฝ้าผกอยู่เป็นเวลานาน ถ้าวัวออกมาก็จะจับให้จงได้ แต่ไม่เห็นวัวทองปรากฏกายให้เห็นอีกเลย ว่ากันว่านายพรานรอในท่าหมอบคลานจนพื้นหินนั้นเป็นรูปหลุมหัวเข่าเลยทีเดียว ในที่สุดถ้ำนั้นก็ถูกปิดตายมาจนทุกวันนี้

ต่อมาเมื่อกว่า ๗๐ ปีที่ผ่านมา (ประมาณปีพุทธศักราช ๒๔๗๘) ลูกหลานของนายพรานได้ช่วยกันขุดถ้ำวัวทอง หวังว่าคงจะมีสมบัติอยู่ในถ้ำ สิ้นแรงสิ้นเวลาสิ้นเครื่องมือขุดไปเป็นอันมากก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบถ้ำเลย ก็คนใจหยาบๆ จะค้นพบของละเอียดได้อย่างไรกัน

เมื่อประมาณกว่า ๕๐ ปีที่แล้ว (ปีพุทธศักราช ๒๔๙๘) สอ.วัน เข็มเงิน ตอนนั้นอายุ ๒๐ ปี อุปสมบทอยู่วัดปากน้ำ อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี พรรษาที่ ๒ ได้เดินทางมาจำพรรษาที่วัดมะขามเฒ่า (ในเขตอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี) เดินทางผ่านเขาสารพัดดี-เขาหนองสอด-เขาดินสอ ซึ่งเป็นทางลัด ขณะนั้นเย็นมากแล้วใกล้ตะวันชิงพลบ มองไปข้างหน้าเห็นวัวตัวหนึ่งยืนตระหง่าน หันหน้าไปทางทิศเหนือ ท่านได้หยุดยืนดูจนติดตาว่า วัวตัวนี้เป็นวัวจริงหรือวัวโลหะ และในพริบตานั้นเองวัวก็หายไป ท่านไม่ได้คิดเลยว่านั่นคือ วัวทอง

ต่อมาได้ทราบจากลุงอ่อนผู้สูงอายุว่า นั่นเป็นบุญตาแล้วที่ได้เห็นวัวทองตัวจริง และเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๙-๒๕๑๑ สอ.วัน เข็มเงิน มาเป็นชาวไร่อยู่ใกล้เขาสารพัดดี คืนหนึ่งขณะนั่งคุยกับนายยุ่ง ปานบุญ เรื่องการทำมาหากิน ก็เห็นแสงไฟสว่างจ้าเท่าต้นตาลพวยพุ่งสูงเสียดฟ้า สักครู่ก็หายไป เขาเชื่อว่า ในเขาสารพัดดี ต้องมีของดีแน่นอน